ภารกิจ (Mission
) สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย – พม่า เป็นประตู /
ช่องทางสร้างการเป็นหุ้นส่วนทั้งทางวัฒนธรรม และเศรษฐกิจระหว่าง ไทย – พม่า
ในลักษณะการมีผลประโยชน์ร่วมที่เท่าเทียมกัน
เจตนารมณ์ (Intention)
๑.
จักบริหารทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดแบบบูรณาการเชิงรุกให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยการปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่ ตามบทบาท
ด้วยความปรารถนาดีและจริงใจด้วยวุฒิภาวะของผู้นำ
และแนวทางการบริหารงานแบบธรรมาภิบาลอย่างมีจรรยาบรรณ
เพื่อสานต่องานตามเจตนารมณ์ของอดีตนายกสมาคม
อีกทั้งจักปรับปรุงในการพัฒนาสมาคมให้มีความพร้อมอย่างแท้จริง
ทั้งด้านบุคลากร องค์ความรู้ เทคโนโลยี
โดยอาศัยหลักนิยมสากลเพื่อมุ่งเน้นในการสนองตอบวัตถุประสงค์ของสมาคมได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
๒.
จักให้ความสำคัญต่อคณะกรรมการทุกท่าน
ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าที่สุดในการบริหารงาน
โดยยินดีรับฟังข้อเสนอแนะและแนวคิดในทางสร้างสรรค์อย่างมีเหตุผล
เพื่อการมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติประกอบการตัดสินใจเพื่อผล
ต่อความสำเร็จต่อภารกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์สันติภาพความผาสุก
ความมั่งคั่ง
และการมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้เกิดกับประชาชนทั้งในประเทศไทย
และประเทศพม่าอย่างเสมอภาคกัน
๓.
จักให้ความสำคัญต่อการรณณรงค์ในการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนตามแนวชายแดนได้
ใช้จุดเด่นในเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม และศาสนา
ผสมผสานกับการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าในการประกอบอาชีพ
โดยคำนึงถึงการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศไทยและประเทศพม่า
อย่างเคร่งครัด
อีกทั้งหลีกเลี่ยงในการละเมิดศีลธรรมและวัฒนธรรมที่ดีของทั้งสองประเทศ
เพื่อยังประโยชน์ต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถดำรงชีวิตในแผ่นดินมาตุภูมิ
อย่างมีศักดิ์ศรี และมีความมั่นคงที่ยั่งยืน
๔. จักส่งเสริมและสร้างจำนวนนักธุรกิจไทย
ให้ยึดการมีผลประโยชน์ร่วมที่เท่าเทียมกันจนถึงระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๐
๕. จักลดพฤติกรรมที่มุ่งผลประโยชน์ส่วนตนของกรรมการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย – พม่า ให้เหลือน้อยที่สุด
๖. จักเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้นำ นักธุรกิจ และชุมชนพม่า
ที่มีต่อนักธุรกิจไทยให้สูงจนถึงระดับการเป็นหุ้นส่วนร่วมของนักธุรกิจ
ไทยอยู่ในระดับนำของอาเซียน
วัตถุประสงค์หลัก (Strategic Objective) เพิ่มจำนวนนักธุรกิจไทย จำนวนวงเงินของภาคเอกชน และจำนวนโครงการ / กิจกรรม ร่วมลงทุนในประเทศพม่าให้สูงขึ้น
กลยุทธ์หลัก (Strategy)
๑. ลดพฤติกรรมการเอาเปรียบของนักธุรกิจไทยที่มีด้วยมาตรการการตรวจสอบตามข้อบังคับและมติการประชุมของสมาคม ฯ
๒.
ส่งเสริมนักธุรกิจไทยที่มีพฤติกรรมในลักษณะการมีผลประโยชน์ร่วมที่เท่าเทียม
กัน ด้วยมาตรการการตรวจสอบตามข้อบังคับและมติการประชุมของสมาคม ฯ
๓. ลดพฤติกรรมการมุ่งผลประโยชน์ส่วนตน ของกรรมการสมาคม ฯ
ด้วยมาตรการจูงใจและลงโทษตามข้อบังคับและมติการประชุมของสมาคม ฯ
๔.
ขยายการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างสมาคมวัฒนธรรมและ
เศรษฐกิจ ไทย – พม่า และสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ พม่า – ไทย
ด้วยกิจกรรมสานสัมพันธ์ และการประชุมร่วมเพื่อหาแนวทาง /
หลักการปฏิบัติร่วมของทั้งสองสมาคม
๕.
ให้ผู้นำและชุมชนพม่ารับทราบนโยบายและการดำเนินการของสมาคมวัฒนธรรมและ
เศรษฐกิจ ไทย – พม่า ผ่านทางสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ พม่า – ไทย
และชุดติดต่อ
นโยบายทั่วไป
๑. คณะกรรมการสมาคม ฯ ทุกคน
๑.๑
ต้องมีความสำนึกในหน้าที่ตามข้อบังคับของสมาคมโดยจะต้องปฏิบัติงานด้วยความ
เสียสละ ริเริ่ม รอบคอบ รวดเร็ว และรับผิดชอบ
ให้เป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในแนวคิดของหลักประสิทธิภาพ
คือการทำงานโดยใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุดและได้ประโยชน์สูงสุด
ภายใต้วิธีการที่ดีที่สุด ด้วยอุดมการณ์ในการบูรณาการหลักการ หลักฐาน
และหลักนิยมไปในทิศทางเดียวกัน
โดยมีการวางแผนการปฏิบัติทุกขั้นตอนและมีการประเมินผล
พิจารณาข้อเสนอแนะและการแก้ปัญหาข้อขัดข้องตลอดจนผลกระทบต่อการปฏิบัติ
ภารกิจ
๑.๒ ต้องมีองค์ความรู้
ทั้งในทฤษฎี , เทคโนโลยี
และวิธีการบริหารงานที่พร้อมด้วยคุณสมบัติของนักบริหาร กอปร
ด้วยความรู้ที่ต้องขวนขวายหมั่นศึกษาอบรมอย่างมีระบบทันสมัย มีทักษะ
และพฤติกรรมเข้ากับบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องได้ทุกระดับ
อีกทั้งต้องใช้วุฒิภาวะผู้นำ
ที่มีจรรยาบรรณในการสร้างจินตนาการของมาตรฐานแห่งความดีให้ทุกคนมีความ
ศรัทธาเชื่อถือด้วยความบริสุทธิ์ใจ
อาศัยบทบาทของการมีมนุษย์สัมพันธ์ถึงผู้ร่วมงานโดยระบบการสื่อสารและการ
ประสานงาน ทั้ง ๓ ทิศทาง คือ ทางดิ่ง , ทางระดับ และด้านทแยง
๒. ให้มีการรับรองจากสมาคม ฯ
แก่นักธุรกิจไทยที่ดำเนินธุรกิจร่วมในลักษณะไม่อาเปรียบและมีผลประโยชน์ร่วม
ที่เท่าเทียมกันทั้ง ไทยและพม่า
๓.
ข้อบังคับของสมาคม ฯ
ที่อาจไม่สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมและกลยุทธ์ของสมาคมให้คณะกรรมสมาคม
พิจารณาดำเนินการปรับปรุงให้เหมาะสมและเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมใหญ่ของ
สมาคม ฯ ต่อไป
๔. ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทั้งภายนอกและภายในประเทศพม่าโดยเฉพาะการสนับสนุนชนกลุ่มน้อยในการสู้รบ
๕. ไม่ทำการค้าที่ผิดต่อกฎหมายไทยและกฎหมายของประเทศพม่า ดังเช่น
การลักลอบตัดไม้ การลักลอบจับปลา ตลาดมืด ฯลฯ
นโยบายเฉพาะ
๑. การปฏิบัติงานประจำ
๑.๑ การขออนุมัติหลักการแผนงานและโครงการของสมาคม ฯ
ให้กรรมการฝ่ายทุกฝ่ายและกรรมสมาคม ฯ สาขาทุกสาขา รายงานตามลำดับชั้น
ผ่านอนุกรรมการที่รับผิดชอบจนถึงนายกสมาคม ฯ
๑.๒ การประชุมคณะกรรมการสมาคม ฯ เกณฑ์ปกติให้ประชุม ๓ เดือน /
ครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนกรรมการสมาคม ฯ
มากเกินไปเว้นกรณีมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องพิจารณาให้ทันเวลาสามารถเรียก
ประชุมวาระเร่งด่วนได้ทันทีโดยแจ้งให้คณะกรรมการทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๑
สัปดาห์
๑.๓
การรายงานผลการปฏิบัติงานของกรรมการฝ่ายและประธานสมาคม ฯ สาขา
ให้รายงานเป็น ๔ ไตรมาส ๆ ละ ๓ เดือน
๑.๔ การประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการฝ่ายและประธานสมาคม ฯ สาขา
ให้ประเมินรอบ ๖ เดือน และรอบ ๑ ปี
เว้นกรณีมีเหตุเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ข้อบังคับ นโยบาย
หรือมติที่ประชุมสมาคม ฯ ให้ตั้งอนุกรรมการขึ้นสอบสวนเป็นกรณีเร่งด่วนต่อไป
๑.๕ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย –
พม่า และสมาคม ฯ คู่แฝดให้ดำเนินการเป็น ๔ ไตรมาส ๆ ละ ๓ เดือน
เว้นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนให้ดำเนินการทันที
๑.๖ การรายงานข้อมูลข่าวสารให้กับผู้นำ
และชุมชนพม่าเพื่อทราบนโยบายและการดำเนินกิจกรรมของสมาคม ฯ
ให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการเป็น ๔ ไตรมาส ๆ ละ ๓ เดือน
เว้นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนให้ดำเนินการทันที
สำหรับการดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการให้ดำเนินการตามความเหมาะสม
๑.๗ กรณีมีงานประจำต้องปฏิบัติเป็นจำนวนมากให้สมาคม ฯ สาขาและสมาคม ฯ
ส่วนกลาง จ้างบุคลากรจากภายนอกสมาคม ฯ ได้
ทั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากนายกสมาคม ฯ ก่อน
๑.๘ ให้อุปนายกสมาคม ฯ เลขาธิการสมาคม ฯ และหัวหน้าสำนักงานและธุรการรวม ๘ ท่าน รับผิดชอบกำกับดูแลการดำเนินงานของสมาคม ฯ สาขาให้เป็นไปตามข้อบังคับและนโยบายของนายกสมาคม ฯ ท่านละ ๑ สาขา
๒. การปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
๒.๑
ให้มีอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบและรับรองมาตรฐานผลงานและความประพฤติของนัก
ธุรกิจไทยก่อนให้สมาคม ฯ โดยนายกสมาคม ฯ ออกหนังสือรับรอง
ทั้งนี้สามารถจ้างบุคลากรจากภายนอกที่มีความรู้ ความสามารถ
และประสบการณ์มาช่วยดำเนินการได้
๒.๒
ให้มีอนุกรรมการเพื่อกลั่นกรองและตรวจสอบความเหมาะสมของหลักการ แผนงาน
และโครงการของสมาคม ฯ ก่อนเสนอให้นายกสมาคม ฯ เพื่ออนุมัติต่อไป
๒.๓ ให้มีอนุกรรมการเพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการฝ่าย
ประธานสมาคม ฯ สาขา และคณะกรรมการบริหารบริษัท ไทย – พม่า ร่วมพัฒนาจำกัด
โดยให้จ้างบุคลากรจากภายนอกที่มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้บุคลากรดังกล่าวต้องผ่านความเห็นชอบจากมติที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม ฯ
และได้รับอนุมัติจากนายกสมาคม ฯ ก่อน
๒.๔ ให้สมาคม ฯ สาขา มีอนุกรรมการสาขาด้านต่าง ๆ เช่น
อนุกรรมการเพื่อกลั่นกรองและตรวจสอบ ฯ เพื่อดำเนินกิจกรรมของสมาคม ฯ สาขา
เช่นเดียวกับอนุกรรมการของสมาคม ฯ โดยอนุโลม
๒.๕ ห้ามมิให้กรรมการสมาคม ฯ และกรรมการสมาคม ฯ สาขา
ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่วนตัว
โดยมิได้ผ่านการกลั่นกรองของอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องและการเสนอให้นายกสมาคม
ฯ ออกหนังสือรับรอง
๒.๖ ให้อนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งรายงานผลการปฏิบัติให้นายกสมาคม ฯ ทราบเป็น ๔ ไตรมาส ๆ ละ ๓ เดือน และเมื่อจบภารกิจที่มีความสำคัญส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมของสมาคม ฯ
๓. การปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไทย – พม่า ร่วมพัฒนา จำกัด
๓.๑ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจากกรรมการสมาคม ฯ
เพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหารบริษัท ไทย – พม่า
ร่วมพัฒนาจำกัดและให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการดังกล่าวได้ตามความเหมาะสม
หลังมีการประเมินผลงานในรอบ ๖ เดือน และรอบ ๑ ปี
๓.๒ บริษัท ไทย – พม่า ร่วมพัฒนาจำกัด
นอกจากดำเนินธุรกิจกับพม่าในนามของบริษัทแล้วการช่วยประสานงานให้กับนัก
ธุรกิจไทยในนามของสมาคม ฯ ให้ถือเป็นอีกบทบาทหนึ่ง ที่ต้องให้ความสำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น